จากที่เกริ่นไว้ว่า Tense ก็เหมือนชีวิตของเรา และเรามักจะพูดว่าเราควรจะสนใจกับปัจจุบัน อย่าจมอยู่กับอดีต และอย่ากังวลกับอนาคต เป็นคำกล่าวที่สามารถนำมาปรับใช้กับการเรียน Tense ได้ดีที่สุด เพราะใน Tense ทั้งหมด Tense ที่ขึ้นต้นว่า “Present” จะต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับกริยา ซึ่งเราจะต้องระวังให้ดี
ก่อนจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับกริยาต้องรู้ว่าเมื่อไรจะเป็น Present Simple Tense ง่าย มาก ถ้าเทียบกับภาษาไทย ถ้าเรากล่าวถึงสิ่งที่เป็นความจริง สิ่งที่เราทำเป็นประจำหรือบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้ไม่มีความเป็นอดีตหรืออนาคต ก็ใช้กริยาปัจจุบันกาล ดังรายละเอียดต่อไปนี้
หลักการใช้ Present Simple Tense
1. | ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวัน หรือเป็นการกระทำที่ทำซ้ำอยู่เสมอ มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วย เช่น |
They go to school everyday*. | |
The bus comes every* ten minutes. | |
2. | ใช้กับเหตุการณ์ที่บ่งถึงการกระทำที่เป็นปกตินิสัย เช่น |
She usually* gets up at 7 o’clock. | |
He always* talks in class. | |
3. | ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปรากฎการณ์ต่าง ๆ หรือประเพณี เช่น |
The sun shines by day. | |
The earth moves around the sun. | |
We have a holiday on Christmas Day. |
* คือ Adverbs of Frequency (คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้แสดงความถี่และความบ่อย) ซึ่งจะเป็น Key Word ว่าประโยคนี้ต้องเป็น Present Simple Tense และกริยาก็ต้องมีความสัมพันธ์กับประธาน
Adverbs of Frequency แบ่งเป็น
1. Adverbs of Frequency - ชนิดคำเดียว
คำกริยาวิเศษณ์เหล่านี้จะวางไว้หน้ากริยาแท้ หรือ ตามหลัง V. to be
always | เสมอ ๆ หรือเป็นประจำ |
almost always | เกือบประจำ |
usually | ตามปกติ |
often | บ่อย ๆ |
sometimes | บางครั้ง บางคราว |
occasionally | บางโอกาส |
generally | โดยปกติ, โดยทั่วไป |
seldom | นาน ๆ ครั้ง, ไม่ใคร่จะ |
rarely | แทบจะไม่ |
almost never | แทบไม่เคย |
never | ไม่เคย |
2. Adverbs of Frequency - ชนิดกลุ่มคำ
คำกริยาวิเศษณ์เหล่านี้จะวางไว้ท้ายประโยค
once a week | 1 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์ |
many times | หลายครั้ง |
everyday | ทุก ๆ วัน |
twice a year | 2 ครั้งต่อ 1 ปี |
several times | หลายครั้ง |
now and again | ซ้ำแล้วซ้ำอีก |
never | ไม่เคย |
จากที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า “Present” จะต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับกริยา ดังนั้น มาดูว่ามีความสัมพันธ์อย่างไร
ประธานเอกพจน์
ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 1 คือ I กริยาถ้าเป็น Verb to be ใช้ am Verb to have ใช้ have แต่ถ้าเป็นกริยาอื่นไม่ต้องเติม “s”
ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 2 คือ You กริยาถ้าเป็น Verb to be ใช้ are Verb to have ใช้ have แต่ถ้าเป็นกริยาอื่นไม่ต้องเติม “s” เช่นกัน
ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือ He, She, It หรือเป็นคำนามทั่วไป เช่น A man, A lady, A dog หรือเป็นคำนามชี้เฉพาะ เช่น Jack, Jane, Jeff กริยาถ้าเป็น Verb to be ใช้ is Verb to have ใช้ has แต่ถ้าเป็นกริยาอื่นต้องเติม “s” หรือ “es” ตามกฎไวยากรณ์ประธานพหูพจน์
ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ไม่ว่าจะเป็นบุรุษที่ 1, 2, 3 คือ We, You, They หรือเป็นคำนามทั่วไป เช่น Men, Ladies, students กริยาถ้าเป็น Verb to be ใช้ are Verb to have ใช้ have แต่ถ้าเป็นกริยาอื่นไม่ต้องเติม “s”
สรุปการใช้ Verb to be ให้สอดคล้องกับประธาน
ประธาน (Subject) เอกพจน์ (Singular) | V. to be | ประธาน (Subject) พหูพจน์ (Plural) | V. to be | |
บุรุษที่ 1 | I | am | We | are |
บุรุษที่ 2 | You | are | You | are |
บุรุษที่ 3 | He/She/It | is | They | are |
Mother/Cat | Students/Cats |
เช่น | I am a teacher. |
You are a student. | |
Kim is a doctor. | |
We are Thais. | |
You are students. | |
They are boys. |
ประธาน (Subject) เอกพจน์ (Singular) | V. to have | ประธาน (Subject) พหูพจน์ (Plural) | V. to have | |
บุรุษที่ 1 | I | have | We | have |
บุรุษที่ 2 | You | have | You | have |
บุรุษที่ 3 | He/She/It | has | They | have |
Mother/Cat | Students/Cats |
เช่น | I have a letter. |
You have a pen. | |
Jim has a headache. | |
We have a fever. | |
You have many friends. | |
They have many books. |
1. คำกริยาชนิดธรรมดา ให้เติม “s” ที่ท้ายคำกริยาได้ทันที เช่น
walk | - | walks | เดิน |
speak | - | speaks | พูด |
eat | - | eats | กิน |
hit | - | hits | ตี |
run | - | runs | วิ่ง |
เช่น | I have a letter. |
You have a pen. | |
Jim has a headache. |
go | - | goes | ไป |
push | - | pushes | ผลัก |
mix | - | mixes | รวม, ผสม |
watch | - | watches | ดู |
pass | - | passes | ผ่าน |
wash | - | washes | ล้าง, ซัก |
เช่น | She does her homework. |
My father watches TV every night. |
study | - | studies | เรียน |
cry | - | cries | ร้องไห้ |
try | - | tries | พยายาม |
fly | - | flies | บิน |
hurry | - | hurries | รีบร้อน |
เช่น | He studies English. |
That baby cries loudly. |
play | - | plays | เล่น |
buy | - | buys | ซื้อ |
say | - | says | พูด |
stay | - | stays | อาศัย, พัก |
1. | ประโยคบอกเล่าที่มี verb to be สามารถทำให้เป็นประโยคปฏิเสธได้โดยการเติม not หลัง verb to be ทันที |
ประโยคบอกเล่า (Affirmative) | ประโยคปฏิเสธ (Negative) |
She is a nurse. | She is not a nurse. |
They are in the room. | They are not in the room. |
2. | ประโยคบอกเล่าที่มี has หรือคำกริยาที่เติม s, es สามารถทำให้เป็นประโยคปฏิเสธได้โดยใช้ does not (doesn’t) วางระหว่างประธานและกริยาแท้ และกริยาแท้ต้องเปลี่ยนจาก has เป็น have หรือต้องตัด s, es ออกเพื่อกลับไปใช้กริยาช่องที่ 1 ตามเดิม |
ประโยคบอกเล่า (Affirmative) | ประโยคปฏิเสธ (Negative) |
She has a pen. | She does not have a pen. |
Mac works everyday. | Mac does not work everyday. |
A baby cries everyday. | A baby does not cry everyday. |
John teaches English. | John does not teach English. |
3. | ประโยคบอกเล่าที่มี have หรือคำกริยาที่ไม่เติม s, es สามารถทำให้เป็นประโยคปฏิเสธได้โดยใช้ do not (don’t) วางระหว่างประธานและกริยาแท้ |
ประโยคบอกเล่า (Affirmative) | ประโยคปฏิเสธ (Negative) |
We have breakfast at 7.30. | We do not have breakfast at 7.30. |
They play games everyday. | They do not play games everyday. |
The cats sleep on a bed. | The cats do not sleep on a bed. |
1. | ประโยคบอกเล่าที่มี verb to be สามารถทำให้เป็นประโยคคำถามได้โดยการนำ verb to be มาวางไว้หน้าประธาน แล้วใส่เครื่องหมายคำถาม (question mark) ที่ท้ายประโยค |
ประโยคบอกเล่า (Affirmative) | ประโยคคำถาม (Question) |
She is a nurse. | Is she is a nurse? |
They are in the room. | Are they in the room? |
2. | ประโยคบอกเล่าที่มี has หรือคำกริยาที่เติม s, es สามารถทำให้เป็นประโยคคำถามได้โดยนำ does วางไว้หน้าประธาน และกริยาแท้ต้องเปลี่ยนจาก has เป็น have หรือต้องตัด s, es ออกเพื่อกลับไปใช้กริยาช่องที่ 1 ตามเดิม แล้วใส่เครื่องหมายคำถาม (question mark) ที่ท้ายประโยค |
ประโยคบอกเล่า (Affirmative) | ประโยคคำถาม (Question) |
She has a pen. | Does she have a pen? |
Mac works everyday. | Does Mac work everyday? |
A baby cries everyday. | Does a baby cry everyday? |
Jeff teaches English. | Does Jeff teach English? |
3. | ประโยคบอกเล่าที่มี have หรือคำกริยาที่ไม่เติม s, es สามารถทำให้เป็นประโยคคำถามได้โดยนำ Do วางไว้หน้าประธาน แล้วใส่เครื่องหมายคำถาม (question mark) ที่ท้ายประโยค |
ประโยคบอกเล่า (Affirmative) | ประโยคคำถาม (Question) |
We have breakfast at 7.30. | Do we have breakfast at 7.30? |
They play games everyday. | Do they play games everyday? |
The cats sleep on a bed. | Do the cats sleep on a bed? |
ประโยคคำถาม (Question) | ประโยคคำตอบแบบสมบูรณ์ (Full Answer) | ประโยคคำตอบสั้น (Short Answer) |
Is she a nurse? | Yes, she is a nurse. | Yes, she is. |
Does he have a dog? | Yes, he has a dog. | Yes, he does |
Do you walk to school? | Yes, I walk to school. | Yes, I do. |
Are they post officers? | No, they aren’t post officers. | No, they aren’t. |
1. Sara (read, reads) her students’ report everyday.
2. A bird (flies, fly) in the sky.
3. My mother (give, gives) me some money.
4. The police officers (catch, catches) the thieves.
5. My sister (makes, make) cookies.
6. Children (drink, drinks) milk everyday.
7. Jack often (eats, eat) noodles.
8. Jenny (brush, brushes) her hair.
9. He (studies, study) English everyday.
10. All students (pass, passes) the examination.
แบบฝึกหัดที่ 2 ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกที่สุด
1. | Mike ___________ to the radio every morning. | |
a. listen | b. listened | |
c. listens | d. listening |
2. | She ___________ to Nancy and Samantha once a week. | |
a. talk | b. talks | |
c. talked | d. talking |
3. | They always ___________ the newspapers. | |
a. read | b. talks | |
c. talked | d. talking |
4. | Jenny ___________ to the beach every weekend. | |
a. go | b. went | |
c. goes | d. going |
5. | Mr. Smith ___________ in the factory. | |
a. works | b. work | |
c. worked | d. working |
6. | The earth ___________ around the sun. | |
a. move | b. moves | |
c. moved | d. moving |
7. | Water ___________ at 32 Fahrenheit. | |
a. freeze | b. freezes | |
c. froze | d. freezing |
8. | The students often ___________ hard every weekends. | |
a. study | b. studied | |
c. studies | d. studying |
9. | William ___________ his parents once a month. | |
a. visit | b. visits | |
c. visited | d. visiting |
10. | Tom ___________ young students. | |
a. teach | b. taught | |
c. teaches | d. teaching |
1. Sara (read, reads) her students’ report everyday.
2. A bird (flies, fly) in the sky.
3. My mother (give, gives) me some money.
4. The police officers (catch, catches) the thieves.
5. My sister (makes, make) cookies.
6. Children (drink, drinks) milk everyday.
7. Jack often (eats, eat) noodles.
8. Jenny (brush, brushes) her hair.
9. He (studies, study) English everyday.
10. All students (pass, passes) the examination.
เฉลยแบบฝึกหัดที่ 2 ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกที่สุด
1. | Mike ___________ to the radio every morning. | |
a. listen | b. listened | |
c. listens | d. listening |
2. | She ___________ to Nancy and Samantha once a week. | |
a. talk | b. talks | |
c. talked | d. talking |
3. | They always ___________ the newspapers. | |
a. read | b. talks | |
c. talked | d. talking |
4. | Jenny ___________ to the beach every weekend. | |
a. go | b. went | |
c. goes | d. going |
5. | Mr. Smith ___________ in the factory. | |
a. works | b. work | |
c. worked | d. working |
6. | The earth ___________ around the sun. | |
a. move | b. moves | |
c. moved | d. moving |
7. | Water ___________ at 32 Fahrenheit. | |
a. freeze | b. freezes | |
c. froze | d. freezing |
8. | The students often ___________ hard every weekends. | |
a. study | b. studied | |
c. studies | d. studying |
9. | William ___________ his parents once a month. | |
a. visit | b. visits | |
c. visited | d. visiting |
10. | Tom ___________ young students. | |
a. teach | b. taught | |
c. teaches | d. teaching |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น